ลงทุนกับกองทุน LTF ช่วยลดหย่อนภาษี

กองทุน LTF คืออะไร เป็นการระดมทุน เพื่อนำเงินที่เราลงทุนไปหมุนเวียนในตลาดหุ้น โดยทางธนาคารหรือสถาบันการเงินจะเลือกกลุ่มหุ้นที่ดีเด่น มั่นคงและเติบโตดีให้ แล้วให้เราลงทุนในหุ้นของบริษัทเหล่านั้น จากนั้นบริษัทเหล่านั้นก็จะดำเนินกิจการไปตามปกติ เมื่อผลการดำเนินการเกิดกำไร ก็จะมีการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นรายหน่วย
หน่วย คืออะไร
คือ ราคาหุ้น(NAV) ที่เราถือ
เช่น 1 หน่วยราคา 10 บาท หากเราซื้อ 10,000 บาท เราก็ถือครอง
หุ้น 1000 หน่วย การปันผลของแต่ละกองทุนอาจปันผลปีละ 2 ครั้ง อันนี้แล้วแต่กองทุน หากจะลงทุนควรสอบถามด้วยว่าเขาปันผลกันกี่ครั้งช่วงเวลาใดบ้าง ซึ่งการปันผลแต่ละครั้ง
จะมีผลตอบแทนเป็นรายหน่วย เช่น ปันผล 0.5 บาทต่อหน่วย หากเราชื้อไว้ 1,000 หน่วย ก็จะได้รับปันผล 0.5 X 1,000 = 500 บาท เป็นต้น ครั้งที่สองการปันผลราคาหน่วยอาจปรับเป็น
0.6 บาท ต่อหน่วย ซึ่งผลตอบแทนที่ได้คือ 0.6 x 1,000 = 600 บาท เป็นต้น การปันผลเป็นผลตอบแทนที่เกิดขึ้นในแต่ละปี
ที่เราลงทุนซึ่งก็คล้ายกับดอกเบี้ยที่ได้จากการฝากเงินประจำแต่ผลตอบแทนสูงกว่า
{ประโยชน์ที่สอง}
ประโยชน์ที่ สองของการลงทุนกับกองทุน LTF ก็คือสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น กองทุนที่ผู้เขียนศึกษาสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินลงทุนในปีนั้น เช่น ในปี 2558 เราลงทุนซื้อหุ้นจากกองทุน 100,000 บาท เราก็สามารถลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท เป็นต้น
ปีต่อมา 2559 เราลงทุนซื้อหุ้น อีก 50,000 บาทเราก็สามารถลดหย่อนภาษีได้อีก 75,00 บาท เป็นต้น เช่น เดียวกันหากจะลงทุนควรสอบถามเกี่ยวด้วยว่าสามารถลดหย่อนภาษีได้กีเปอร์เซนต์จากเงิน
ที่ลงทุนทั้งหมด ซึ่งเมื่อถึงสิ้นปีก็จะมีจดหมายแจ้งยอดเงินในการลดหย่อนภาษีไปที่บ้าน
เหมือนกับที่ กบข ส่งมาให้เพื่อประกอบการยื่นลดหย่อนภาษีแต่ก็มีเหมือนกันนะคะว่า ถ้าเราลงทุนในกองทุนในปริมาณที่น้อยเกินไปก็ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ก็แล้วแต่เงื่อนไข
ประโยชน์ที่ สาม ของการลงทุนคือเมื่อถือครองหุ้นจนครบกำหนดเวลา ซึ่งกองทุนที่ผู้เขียนศึกษาจะมีเวลาขั้นต่ำในการถือครองหุ้น 5 ปีปฏิทิน (คือนับปี พ.ศ. ไม่ได้นับปีเต็ม) เช่น เริ่มชื้อ 2558, 2559, 2560, 2561, 2562 ก็ถือว่าครบปีปฏิทิน ก็สามารถเทขายหุ้นที่เราซื้อได้ โดยการขายหุ้นเราอาจได้กำไรจากการที่ราคาหุ้นที่เราซื้อมีการปรับตัวสูงขึ้น เช่น เดิมที่เราซื้อไว้ หุ้นราคา 10 บาทต่อหน่วย เราซื้อไว้ 1,000 หน่วย ในวงเงิน 10,000 บาท เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปีราคาหุ้นที่เราถือครองอาจปรับขึ้นเป็น 20 บาทต่อหน่วย ราคาขายที่เราจะได้รับ คือ 1,000 x 20 = 20,000 บาท นั่นคือกำไรที่ได้ ในต่อที่ 3 จากการลงทุนกับกองทุน LTF
ซึ่งหากเมื่อถือครองครบห้าปีเราไม่ขาย จะถือครองไปเรื่อยๆก็ได้ยิ่งถือครองนานราคาหุ้นที่เราถือก็ยิ่งปรับราคาสูงขึ้น เหมาะมากสำหรับการออมเงินระยะยาวเพื่อลูกหลาน รวมถึงการมีเงินเก็บเงินก้อนไว้ใช้ในวัยเกษียณ อายุ แต่การขายกองทุน LTF ต้องมีการแจ้งข้อมูลการขายให้สรรพากรทราบ หากไม่แจ้งอาจมีผลต่อการคืนภาษีเงินได้ ส่วนนี้ก็ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม
{สนใจลงทุนต้องทำอย่างไร}
1) ศึกษาข้อมูลการลงทุนอาจสืบค้นจากเวบไซต์ถึงรูปแบบและข้อมูลกองทุนจากอินเตอร์เน็ต
2) เลือกแพ็คเก็จของธนาคารที่เราสนใจ ส่วนใหญ่จะเลือกจากธนาคารที่มีสาขาที่ตั้งที่อยู่ใกล้บ้านเนื่องจากต้องเข้าไปขอคำปรึกษา และ ต้องนำเงินไปฝากเพื่อชื้อกองทุน
3)
เดินทางไปติดต่อสอบถามธนาคารที่เราจะลงทุนด้วยเลือกแพ็คเก็จและกองทุน
4)
จากนั้นเปิดบัญชีกองทุนและก็ชื้อหุ้นเพื่อเก็บออมได้เลยจ้า
5) ทุกวันนี้การลงทุนง่ายมากขึ้น อาจมีการลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่นของทางธนาคารได้เลย
เหมื่อนกัน แต่ต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขให้เข้าใจก่อน ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนคะ
บทความดีดีจาก
ครูนันทนา สำเภา
Webmaster NaNa-Bio.com
|