การศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ

อาณาจักรมอเนอรา

อาณาจักรโพรทิสตา

     :: ลักษณะสำคัญของโพรทิสต์

     :: แบบฝึกที่ 3.1

     :: ความหลากหลายของโพรทิสต์

     :: แบบฝึกที่ 3.2

อาณาจักรพืช

อาณาจักรฟังไจ

สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง

สัตว์มีกระดูกสันหลัง

Download เอกสารเผยแพร่

กลับหน้าหลัก

 

 

 

 

แบบฝึกที่ 3.2

คำชี้แจง   ให้นักเรียนตอบคำถามเกี่ยวกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักร
โพรทิสตา ตามหัวข้อต่อไปนี้

1. ให้นักเรียนพิจารณาแผนผังการจำแนกสิ่งมีชีวิตในอาณาโพรทิสตา แล้วใช้ข้อความในตารางที่กำหนดให้ต่อไปนี้ตอบคำถาม

แอลวีโอลาตา

ยูกลีนา

ไดอะตอม

สาหร่ายสีแดง

สาหร่ายสีน้ำตาล

ทริปพาโนโซมา

สไปโรไจรา

ไตรโคโมแนส

สาหร่ายสีเขียว

ไดโพลโมนาดิดา

ไดโนแฟลเจลเลต

กราซิลาเรีย

Giardia sp.

พอร์ไฟรา

ไฟซารัม

เอพิคอมเพลซา

สตรามีโนไพล์

คลอเรลลา

ซิลิเอต

สเตโมนิทิส

คาโรไฟต์

ไมซีโทซัว

พาราบาซาลา

ยูกลีโนซัว

ไตรโคนิมฟา

 

 

 

         

 

1.1 หมายเลข 1 คือ ………………………………………………………………………………………
1.2 หมายเลข 2 คือ ………………………………………………………………………………………...
1.3 หมายเลข 3 คือ ………………………………………………………………………………………..
1.4 หมายเลข 4 คือ ………………………………………………………………………………………..
1.5 หมายเลข 5 คือ ……………………………………………………………………………………….
1.6 หมายเลข 6 คือ ………………………………………………………………………………………..
1.7 หมายเลข 7 คือ ……………………………………………………………………………………..
1.8 หมายเลข 8 คือ ……………………………………………………………………………………..
1.9 หมายเลข 9 คือ ……………………………………………………………………………………...
1.10 หมายเลข 10 คือ ………………………………………………………………………………….
1.11 หมายเลข 11 คือ ………………………………………………………………………………….
1.12 หมายเลข 12 คือ ………………………………………………………………………………….
1.13 หมายเลข 13 คือ ………………………………………………………………………………….
1.14 หมายเลข 14 คือ …………………………………………………………………………………
1.15 หมายเลข 15 คือ …………………………………………………………………………………
1.16 หมายเลข 16 คือ ………………………………………………………………………………….
1.17 หมายเลข 17 คือ …………………………………………………………………………………
1.18 หมายเลข 18 คือ …………………………………………………………………………………
1.19 หมายเลข 19 คือ ………………………………………………………………………………..
1.20 หมายเลข 20 คือ ………………………………………………………………………………..
1.21หมายเลข 21 คือ ………………………………………………………………………………….
1.22 หมายเลข 22 คือ ………………………………………………………………………………..
1.23 หมายเลข 23 คือ ………………………………………………………………………………..
1.24 หมายเลข 24 คือ ………………………………………………………………………………..
1.25 หมายเลข 25 คือ ………………………………………………………………………………..

          

2.พิจารณาภาพต่อไปนี้พร้อมระบุว่าโพรทิสต์ที่เห็นในภาพ ชื่อว่าอะไร และจัดอยู่ในกลุ่มใด โดยพิจารณาชื่อกลุ่มจากตารางที่กำหนดให้


ตารางชื่อกลุ่ม

ไดโพลโมนาดิดา

พาราบาซาลา

ยูกลีโนซัว

แอลวีโอลาตา

สตรามีโนไพล์

สาหร่ายสีแดง

สาหร่ายสีเขียว

ไมซีโทซัว

ไรโซโพดา

 

2.1 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………     

2.2 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม……………………………………… 

2.3 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม……………………………………… 

2.4 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม……………………………………… 

2.5 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม……………………………………… 

2.6 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม……………………………………… 

2.7 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.8 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.9 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.10 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.11 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.12 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.13 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.14 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.15 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.16 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.17 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

2.18 ชื่อ……………………………………

กลุ่ม………………………………………

 

     3. ให้นักเรียนตอบคำถามเกี่ยวกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอราดังต่อไปนี้

     3.1 ลักษณะสำคัญอย่างไรบ้างที่ทำให้ทราบว่า ไดโพลโมนาดิดา พาราบาซาลา เป็นสิ่งมีชีวิตเริ่มแรกของอาณาจักรโพรทิสตาที่วิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา ?

      3.2  ยูกลีนา และ ทริปพาโนโซมา มีลักษณะเหมือนกันอย่างไร จึงจัดอยู่ในกลุ่มยูกลีโนซัว ?

      3.3 ยูกลีนามีการดำรงชีวิตแตกต่างจากโพรทิสต์กลุ่มอื่นอย่างไร ?

      3.4 ลักษณะของโพรทิสต์กลุ่มไดโนแฟลเจลเลต เอพิคอมเพลซา และ ซิลิเอต มีลักษณะเหมือนกันอย่างไร ?

      3.5 ผนังเซลล์ของไดอะตอมมีลักษณะพิเศษ อย่างไร ?

      3.6 รงควัตถุที่ทำให้เกิดสีน้ำตาล ในสาหร่ายสีน้ำตาลคือ ?

      3.7 รงควัตถุที่ทำให้เกิดสีแดง ในสาหร่ายสีแดงคือ ?

      3.8 โพรทิสต์กลุ่มใดมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันทางวิวัฒนาการกับพืชมากที่สุด ?

      3.9 โพรทิสต์กลุ่มสาหร่ายไฟ พบลักษณะอะไรบ้างที่แตกต่างจากสาหร่ายกลุ่มอื่น ๆ ?

      3.10 เพราะเหตุใดจึงไม่สามารถจัดไรโซโพดาอยู่ในสายวิวัฒนาการของโพรทิสต์ ?

      3.11 พิจารณาภาพ สืบค้น แล้วตอบคำถามต่อไปนี้

         1) ปรากฏการณ์ตามภาพเรียกว่า ?

         2) สาเหตุของปรากฏการณ์ตามภาพ เกิดจากอะไร ?

         3) ปรากฏการณ์นี้มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ในน้ำ และบนบกอย่างไร และส่งผลต่อระบบนิเวศอย่างไร ?

 

3.12  ให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับบทความเรื่อง โรคมาลาเรีย (Malaria) แล้วตอบคำถามต่อไปนี้

โรคมาลาเรีย (Malaria)


อะไรเป็นสาเหตุของโรค 


          โรคมีสาเหตุจากปรสิตสปอโรซัวใน genus Plasmodium ก่อโรคมาลาเรียในคนและสัตว์ เชื้อพลาสโมเดียมพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
สัตว์ปีก และ สัตว์เลื้อยคลาน รวมพลาสโมเดียมทั้งหมดมากกว่า 120 ชนิด พลาสโมเดียมที่ก่อโรคในคนที่สำคัญมีเพียง 4 ชนิด ได้แก่
Plasmodium vivax, P. ovale, P. malariae, และ  P. falciparum ว่า “มาลาเรีย” มีต้นกำเนิดมาจากในศตวรรษที่ 17 ที่มีคนเล่าลือถึง “Roman Airs”   แพทย์และคนอิตาเลียนต่างกล่าวว่า   อากาศเสียเป็น สาเหตุของไข้ และเรียกว่า mal'aria หมายถึง อากาศเสีย; ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
ในยุคกลางเครื่องหมาย ' หายไปกลายเป็น malaria ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่โรค แต่กล่าวถึงสาเหตุของโรค แต่ต่อมาเปลี่ยนแปลงจนปัจจุบันหมายถึงกลุ่มของโรคหรือไข้ที่เกิดจากปรสิตในตระกูลพลาสโมเดียม

 

วงจรชีวิตเป็นอย่างไร

          วงจรชีวิตอาศัยคนและยุงก้นปล่อง การเจริญเติบโตของพลาสโมเดียมในยุงเป็นแบบอาศัยเพศ เรียกว่า “สปอโรโกนี” ในคนเป็นแบบ
ไม่อาศัยเพศ เรียกว่า “ชิโซโกนี” และพลาสโมเดียมในเลือดคนยังมีการสร้างเซลล์เพศ เรียกว่า “แกมีโตไซโตโกนี”การเจริญเติบโตของเชื้อ พลาสโมเดียมในคน เกิดในเซลล์ตับและในเซลล์เม็ดเลือดแดง 
          1. การเจริญของเชื้อในตับ: เมื่อยุงกัดคนระยะติดต่อของเชื้อในน้ำลายยุง เรียกว่า
สปอโรซอยต์ มีลักษณะเรียวยาวคล้ายกระสวย ยาว 11-12 ไมโครเมตร กว้างประมาณ 1ไมโครเมตร เข้าสู่กระแสโลหิต และไชเข้าเซลล์ตับ เปลี่ยนรูปร่างเป็นกลมรีและโตขึ้นมีการแบ่งนิวเคลียสเป็นหลาย ๆ ก้อน ระยะนี้เรียกว่าชิซอนต์ ต่อมาเมื่อเจริญเต็มที่จะแบ่งแยกตัวได้ เมโรซอยต์ รูปร่างกลมรีขนาด 1.5-2 ไมโครเมตร จำนวนหลายตัว เมโรซอยต์นี้จะเข้าสู่เม็ดเลือดแดงต่อไป การเจริญในตับกินเวลา 5-16 วัน 
         2. การเจริญเติบโตในเม็ดเลือดแดง เมโรซอยต์จากเซลล์ตับเข้าในเม็ดเลือดแดง และเติบโตระหว่างการเติบโตจะมีรูปร่างเปลี่ยนไป เริ่มแรกมีรูปร่างวงแหวน จึงเรียกกันทั่วไปว่าระยะวงแหวน “ring form”, เมื่อเจริญเต็มที่เรียกว่าซิซอนต์เต็มวัย มีเมโรซอยต์เกิดเป็นตัวเรียบร้อยแล้ว  จำนวนเมโรซอยต์ในเม็ดเลือดแดง มีจำนวน 4-24 ตัว ขึ้นกับชนิดของพลาสโมเดียม เมโรซอยต์จากชิซอนต์เต็มวัยออกมาในกระแสโลหิต และจะเข้าเม็ดเลือดแดงตัวใหม่ต่อไปเจริญเติบโตอีกครั้งหนึ่ง เป็นวงจรซ้ำ ๆ เช่นนี้ เรียกว่า วงเม็ดเลือดแดง erythrocytic (ER) schizogony หรือ cycleระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละวงจรจะเป็นทวีคูณของ 24 ชั่วโมง แล้วแต่ชนิดของพลาสโมเดียม คือ   48 ชั่วโมง ใน P. falciparum, P. vivax,  P. ovale และ  72 ชั่วโมง  ใน P. malariae  เมโรซอยต์ที่เข้าเม็ดเลือดแดงบางตัวไม่เข้าสู่การเจริญเติบโตแบ่งตัว แต่จะกลายเป็นระยะแกมีโตไซต์ ซึ่งมีเพศผู้และเมีย เพศเมียเรียกว่า แมโครแกมีโตไซต์, เพศผู้เรียกว่าไมโครแกมีโตไซต์ กระบวนการสร้างแกมีโตไซต์เรียกว่าแกมีโตไซโตโกนี 

การเจริญเติบโตของเชื้อพลาสโมเดียมในยุงก้นปล่อง 

           ยุงก้นปล่องกินเลือดที่มีแกมีโตไซต์เข้าในกระเพาะ แมโครแกมีโตไซต์กลายเป็น แมโครแกมีต ซึ่งลักษณะทั่วไปไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนไมโครแกมีโตไซต์เปลี่ยนสภาพไปอย่าสมบูรณ์ โดยงอกเส้นออกมา 8 เส้น แต่ละเส้นก็คือไมโครแกมีต ขบวนการงอกเส้นนี้เรียกว่า exflagellation ไมโครแกมีตเข้ารวมตัวกับ แมโครแกมีต กลายเป็นไซโกต ซึ่งตัวยาวออกคล้ายหนอนเคลื่อนที่ได้ภายใน 18-24 ชั่วโมง เรียกตัวนี้ว่า  โอโอไคนีต ซึ่งจะไชผนังกระเพาะยุงสู่ด้านนอก กลายเป็น โอโอซิสต์ ซึ่งเติบโตจนสุดท้ายสร้างสปอโรซอยต์มากมาย
เมื่อโอโอซิสต์แตก สปอโรซอยต์เข้าสู่ ต่อมน้ำลายเจริญเป็นสปอโรซอยต์ระยะติดต่อ การเจริญเติบโตของ
พลาสโมเดียมในยุงกินเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ 

 

อาการของมาลาเรียเป็นอย่างไร 

           อาการเริ่มแรกของมาลาเรียไม่จำเพาะ จะเป็นอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไอ แต่สักระยะหนึ่งที่เชื้อแต่ละตัวแบ่งตัวสอดคล้องกันดีแล้ว ผู้ป่วยจะมีไข้เป็นช่วงระยะอย่างสม่ำเสมอ แต่ละช่วงเรียกว่าแพร็อกซิซึม (paroxysm) 
ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่:
(1) ระยะหนาวสั่น: ผู้ป่วยมีอุณหภูมิร่างกายลดลง มีอาการหนาวสั่น กินเวลา 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง  
(2) ระยะไข้ตัวร้อน: ผู้ป่วยมีไข้สูง 40-41 เซลเซียส เป็นเวลา 1-4 ชั่วโมง 
(3) ระยะออกเหงื่อ กินเวลานาน 1-2 ชั่วโมง จากนั้นอุณหภูมิร่างกายปกติ เป็นช่วงปราศจากไข้ (apyrexia) จากนี้แล้ว paroxysm เกิดใหม่ เป็นเช่นนี้เรื่อยไปสำหรับ P. vivax และ 
P. ovale นั้น ทำให้มีไข้ทุก ๆ 48 ชั่วโมง หรือเรียกว่ามีไข้วันเว้นวัน ส่วน P. malariae นั้น ทำให้มีไข้วันเว้นสองวัน ไข้กลับ หลังเป็นไข้ครั้งแรกจนหายจากอาการของมาลาเรียดีแล้ว อาจเป็นไข้มาลาเรียอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ไม่ถูกยุงกัด ปรากฏการณ์นี้ เรียกว่า ไข้กลับ (relapse) ซึ่งมี สาเหตุจากเชื้อที่กบดานอยู่ในตับ หรือ เกิดจากการมีเชื้อหลงเหลืออยู่ในกระแสโลหิต แต่มีระดับต่ำกว่าการตรวจฟิล์มเลือดจะสามารถตรวจพบได้ มาลาเรียที่มีอาการรุนแรงและมีภาวะแทรกซ้อน (severe and complicated malaria) โดยมากเกิดจาก P. falciparum มักเกิดในเด็ก แต่อาจเกิดกับผู้ใหญ่ได้ด้วยโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไม่มีภูมิต้านทานต่อมาลาเรียเลย อาการมีอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้: (1) มาลาเรียขึ้นสมอง  (2) โลหิตจางอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญในเด็ก, (3) ไตวาย (4) ปอดบวมน้ำ  (5) น้ำตาลในเลือดต่ำ (6) ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
หรือช็อค มีความดันโลหิตต่ำ ตัวเย็น, (7) เลือดออกตามเหงื่อ จมูก ฯลฯ (8) ชัก (9) เลือดเป็นกรด (10) ปัสสาวะดำ

 

พบโรคที่ใดบ้าง

          มาลาเรียพบได้ถึงละติจูดที่ 64 องศาเหนือถึง 32 องศาใต้ พบทั้งเขตร้อนและเขตอบอุ่น โดยทั่วไปพบความชุกของเชื้อสูงเรียงตามลำดับ
ดังนี้ P. falciparum, P. vivax, P. malariae, P. ovale มาลาเรียพบได้ในกว่า 100 ประเทศ แต่กว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยอยู่ในแอฟริกา มีผู้เสียชีวิตประมาณปีละล้านคนในประเทศไทยพบโรคชุกชุมแถวชายแดนเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นป่าและมีการเดินทางข้ามไปมาของเพื่อนบ้าน
ซึ่งติดเชื้อ

 

โรคมาลาเรียแพร่โดยวิธีใด  

          การแพร่โรคมาลาเรีย อาจเกิดโดย (1) การแพร่ในธรรมชาติ (natural transmission) เกิดจากการถูกยุงกัด เป็นวิธีหลัก (2) การแพร่โดยบังเอิญ (accidental transmission) เช่น การถ่ายเลือด, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในผู้เสพยาเสพติด
(3) การแพร่ผ่านทางรก (congenital transmission) พบน้อยมาก (4) การแพร่โดยเจตนา (deliberate transmission) เช่น ใช้มาลาเรียรักษาโรคซิฟิลิส โดยเอาเลือดจากผู้ป่วยมาลาเรียให้แก่ผู้ป่วยเป็นซิฟิลิสขึ้นสมอง

 

ป้องกันและควบคุมโรคอย่างไร

(1) ป้องกันไม่ให้ยุงกัดโดยนอนในมุ้งหรือมุ้งชุบน้ำยากันยุง หรือทาสารกันยุง
(2) ทำลายแหล่งแพร่ยุง เช่นที่น้ำขัง 
(3) หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่มีมีการแพร่โรคสูง หากจำเป็นอาจกินยาป้องกันก่อนเข้าไป
ในพื้นที่ และเมื่อออกมาแล้วตรวจเลือดหาเชื้อ
(4) แรงงานหรือกลุ่มคนที่เคลื่อนย้ายมาจากประเทศเพื่อนบ้านต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและถ้าพบต้องรักษา

 

จะวินิจฉัยโรคมาลาเรียได้โดยวิธีใด 

          โดยทั่วไปทำได้โดยการตรวจเลือดหาเชื้อภายใต้กล้องจุลทรรศน์  การตรวจแบบนี้ต้องย้อมสีเลือดให้เห็นตัวเชื้อ วิธีที่ยังยอมรับกันว่าเป็นวิธีมาตรฐานเพื่อวินิจฉัยโรคมาลาเรีย คือการตรวจดูฟิล์มเลือดที่ย้อมสี ยิมซา (Giemsa) อีกวิธีหนึ่งคืออาศัยชุดตรวจหาแอนติเจนของเชื้อซึ่งมีจำหน่ายแต่ราคาค่อนข้างแพง เพียงหยดเลือดลงในแผ่นที่เตรียมมาให้แล้วดูแถบสีที่เกิดขึ้นก็จะบอกได้ว่าเป็นโรคหรือไม่ เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว

 

รักษาอย่างไร 

          มียาฆ่าเชื้อพลาสโมเดียมทั้งในตับหรือในเม็ดเลือดแดง ยาที่ใช้ในการรักษาไข้มาลาเรียมีหลายขนาน เช่น
คลอโรควิน เมโฟลควิน อาร์ทีเมเทอร์ เตตราชัยคลิน เป็นต้น การให้ยาขนานใดขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของเชื้อ เชื้อดื้อยา
ระยะของโรค ความรุนแรงของโรค จึงต้องปรึกษาแพทย์ ผู้ป่วยมาลาเรียชนิดรุนแรงต้องให้การรักษาพยาบาลอย่างอื่นเสริมด้วย
ที่มา : http://www.med.cmu.ac.th/dept/parasite/public/malaria.html

 

 เมื่อนักเรียนอ่านบทความแล้วให้พิจารณาข้อความต่อไปนี้ หากเป็นข้อความที่ถูกให้ทำเครื่องหมาย / หากเป็นข้อความที่ผิดให้ทำเครื่องหมาย X หน้าข้อความ

 

ข้อที่

คำตอบ

ข้อความ

 

1

 

โรคมาลาเรียเป็นโรคติดต่อ

2

 

โรคมาลาเรียส่วนใหญ่เกิดในฤดูร้อน

3

 

ยุงก้นปล่องเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาลาเรีย

4

 

ยุงก้นปล่องออกหากินเวลากลางวันทำให้มีโอกาสโดนยุงกัดเวลากลางวันมากกว่าเวลากลางคืน

5

 

ทั้งยุงตัวผู้และตัวเมีย ที่สามารถเป็นพาหะนำเชื้อมาลาเรียได้

6

 

ยุงก้นปล่องจะวางไข่บริเวณน้ำเน่าเสีย

7

 

โรคมาลาเรียมีอาการปวดหัว เป็นไข้หนาวสั่น

8

 

การกินน้ำในป่าที่มีลูกน้ำยุงเข้าไป ทำให้ป่วยเป็นโรคมาลาเรียได้

9

 

การนอนในมุ้งเดียวกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมาลาเรีย ทำให้ป่วยเป็นโรคมาลาเรียได้

10

 

คนที่มีร่างกายแข็ง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีโอกาสเป็นมาลาเรียน้อยกว่าคนที่มีร่างกายอ่อนแอ

11

 

นักเรียนที่เข้าป่าในเวลากลางคืน มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมาลาเรีย

12

 

โรคมาลาเรียเกิดจากเชื้อสกุลพลาสโมเดียมซึ่งเป็นโพรทิสต์กลุ่มแอลวีโอลาตา

13

 

วงชีวิตของเชื้อมาลาเรียในร่างกายคนจะเป็นแบบไม่อาศัยเพศ

14

 

ในร่างกายคน เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะไปเจริญที่เซลล์ตับ แล้วค่อยเข้าสู่กระแสเลือดอีกครั้งเพื่อเจริญในเซลล์เม็ดเลือดแดง

 

 

 

   

รวบรวมเรียบเรียงโดย ครูนันทนา สำเภา โรงเรียนปทุมราชวงศา
อำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ