รู้ไว้ห่างไกลโรค

 

จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค

จุลินทรีย์

ประเภทของจุลินทรีย์

    :: ไวรัส

    :: แบคทีเรีย

    :: สาหร่ายเซลล์เดียว

    :: โพรโทซัว

    :: รา

โรคที่เกิดจากจุลินทรีย์

    :: โรคติดเชื้อทางระบบหายใจ

    :: โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธุ์

    :: โรคติดเชื้อทางการกินอาหาร

    :: โรคติดเชื้อที่นำโดยแมลงหรือสัตว์

 

โรคติดต่ออุบัติใหม่

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

     :: โรคไข้กาฬหลังแอ่น

     :: โรคติดเชื้อเสร็พโตค็อกคัสซูอิส

     :: โรคทูลารีเมีย

     :: โรคเมลิออยโดซิส

     :: โรคแอนแทรกซ์

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส

     :: โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน รุนแรง

     :: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

     :: ไข้หวัดนก

     :: ไข้เลือดออกอีโบลา

     :: ไข้เลือดออกมาร์เบอร์ก

     :: ไข้ปวดข้อยุงลาย

     :: โรคมือเท้าปากจาก Enterovirus71

     :: โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา

๐ โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดโพรโทซัว

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากพรีออน

 

การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค

การเสริมสร้างสุขภาพ

การสร้างกำลังใจปกป้องสุขภาพ

การใช้หลักพุทธธรรมปกป้องสุขภาพ

 

 

   

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส

          โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา

          เชื้อนิปาห์ไวรัส มีการระบาดครั้งแรกที่ประเทศมาเลเซีย ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.2541 ถึงเมษายน พ.ศ.2542 พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 265 ราย และมีผู้เสียชีวิต 105 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 40 ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพเลี้ยงสุกร ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ หรือมีการสัมผัสสุกรป่วย ทำให้มีการทำลายสุกรไปกว่า 1.2 ล้านตัว คิดเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในขณะเดียวกัน ประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีการนำเข้าสุกรจากประเทศมาเลเซียก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยในเดือนมีนาคม พ.ศ.2542 พบผู้ป่วยถึง 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย

           การระบาดครั้งถัดมาเกิดขึ้นระหว่างมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2544 ที่เมือง Siliguri ประเทศอินเดีย พบผู้ป่วย 66 ราย เสียชีวิตสูงถึง 45 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 68 ต่อปี เดือนเมษายนของปีเดียวกัน มีการระบาดของเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้นในประเทศบังคลาเทศ ที่เมือง Meherpur พบผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 9 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 69 หลังจากนั้นประเทศบังคลาเทศมีการระบาดของโรคเกือบทุกปี ดังนี้

  • ปี พ.ศ.2546 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 1 ครั้ง ในเดือนมกราคม  ที่เมือง Naogaon พบผู้ป่วย 12 ราย เสียชีวิต 8 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 67
  • ปี พ.ศ.2547 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนมกราคม ที่เมือง Goalando พบผู้ป่วย 29 ราย เสียชีวิต 22 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 76 ครั้งที่ 2 ในเดือนเมษายน ที่เมือง Faridpur พบผู้ป่วย 36 ราย เสียชีวิต 27 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 75
  • ปี พ.ศ.2548 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 1 ครั้ง ในเดือนมกราคม  ถึงมีนาคม ที่เมือง Tangail พบผู้ป่วย 12 ราย เสียชีวิต 11 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 92
  • ปี พ.ศ.2550 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ที่เมือง Thakurgaon พบผู้ป่วย 7 ราย เสียชีวิต 3 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 43 ครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคมถึงเมษายน ที่เมือง Kustia พบผู้ป่วย 8 ราย เสียชีวิต 5 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 62 ขณะเดียวกันในเมือง Nadia ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดกับประเทศบังคลาเทศ ช่วงเดือนเมษายน มีการพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อนิปาห์ไวรัส 5 ราย และเสียชีวิตทั้งหมด
  • ปี พ.ศ.2551 มีการระบาดเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ที่เมือง Manikganj และ Rajbari พบผู้ป่วย 11 ราย เสียชีวิต 6 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 54.5

 

           การระบาดที่มาเลเซียเกิดจากเชื้อนิปาห์ไวรัสสายพันธุ์เดียว แตกต่างจากการระบาดที่บังคลาเทศซึ่งเกิดจากหลายสายพันธุ์ ทำให้มีลักษณะอาการทางคลินิกที่หลากหลาย ผลการสอบสวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสในบังคลาเทศจากการระบาด 4 ครั้งแรก สรุปได้ว่าการติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้นในทุกกลุ่มอายุ และอาการไข้ อาการทางสมอง ไอ และอาการทางระบบทางเดินหายใจ พบได้เป็นส่วนใหญ่ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อในบังคลาเทศ อาการรุนแรงทางระบบประสาทก็พบได้เช่นกัน ภาวะแทรกซ้อนที่เรื้อรังและรุนแรง ก็พบได้ในผู้รอดชีวิตหลายราย ซึ่งเป็นขนาดปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อนิปาห์ไวรัส สิ่งสำคัญในอนาคต คือ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังและการสอบสวนการระบาดของการติดเชื้อนิปาห์ไวรัส โดยเฉพาะกลยุทธในการป้องกันการติดต่อและการพัฒนาแนวทางการรักษาผู้ป่วยที่อยู่เขตพื้นที่ยากจน

          ในประเทศไทย ทีมวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสภากาชาดไทย พบค้างคาวแม่ไก่ติดเชื้อไวรัสนิปาห์ประมาณร้อยละ 7 ในบางพื้นที่และอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังตรวจพบ RNA ไวรัสในน้ำลายและปัสสาวะของค้างคาวด้วย ดังนั้น พื้นที่เสี่ยงดังกล่าวจึงควรเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และป้องกันไม่ให้โรคแพร่มายังสัตว์เลี้ยงตามมาตรการของกรมปศุสัตว์.

         นับจากนั้นมา ยังไม่พบการระบาดของโรคนี้ และในประเทศไทยก็ยังไม่เคยพบการระบาดของโรคนี้เช่นกัน

          ไวรัสเฮนดราอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับไวรัสนิปาห์ ถูกจัดในจีนัส Henipavirus ในวงศ์ Paramyxoviridae แยกเชื้อได้ครั้งแรกในปี พ.ศ.2537 ไวรัสเฮนดราก่อให้เกิดโรคขึ้นในม้าของรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มีการระบาดรวม 3 ครั้ง ทำให้ม้าตายไป 16 ตัว และพบผู้เสียชีวิตจากอาการทางระบบหายใจหรือสมองอักเสบรุนแรง ผู้ป่วย 2 รายแรกติดเชื้อจากการสัมผัสม้าในช่วงที่ม้าล้มป่วย รายที่ 3 แสดงอาการใน 13 เดือนถัดมา หลังจากที่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบแบบไม่รุนแรงมาโดยตลอด และผู้ป่วยก็เสียชีวิตจากภาวะสมองอักเสบจากอาการเห่อของเชื้อไวรัสซ้ำขึ้น พบว่าค้างคาวกินผลไม้ (flying fox) ในสกุล Pteropus เป็นแหล่งรังโรคในธรรมชาติ โดยค้างคาวมีการติดเชื้อสูงถึงร้อยละ 40 และเชื้อที่แยกได้ ไม่ก่อให้เกิดโรคในค้างคาว

  • กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ประเทศออสเตรเลีย ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อเฮนดราไวรัส ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐควีนสแลนด์ โดยทำงานอยู่ในคลินิกรักษาสัตว์ ซึ่งมีการติดเชื้อเฮนดราไวรัสจากม้าที่ป่วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการเฝ้าระวังในผู้ใกล้ชิด ซึ่งยังไม่พบผู้ป่วยรายอื่น
  • สิงหาคม พ.ศ. 2552 พบการระบาดในม้า 23 ตัว ที่รัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มีผู้สัมผัสใกล้ชิดม้าป่วยจำนวน 4 ราย ทั้งหมดถูกเฝ้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาล Princess Alexandra โดยพบว่า 1 ราย ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 ส่วนอีก 3 ราย ได้รับยาต้านไวรัส หายจากการป่วย และกลับบ้าน จำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อเฮนดราไวรัสตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2537-2 กันยายน 2552 รวม 4 ราย