รู้ไว้ห่างไกลโรค

 

จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค

จุลินทรีย์

ประเภทของจุลินทรีย์

    :: ไวรัส

    :: แบคทีเรีย

    :: สาหร่ายเซลล์เดียว

    :: โพรโทซัว

    :: รา

โรคที่เกิดจากจุลินทรีย์

    :: โรคติดเชื้อทางระบบหายใจ

    :: โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธุ์

    :: โรคติดเชื้อทางการกินอาหาร

    :: โรคติดเชื้อที่นำโดยแมลงหรือสัตว์

 

โรคติดต่ออุบัติใหม่

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

     :: โรคไข้กาฬหลังแอ่น

     :: โรคติดเชื้อเสร็พโตค็อกคัสซูอิส

     :: โรคทูลารีเมีย

     :: โรคเมลิออยโดซิส

     :: โรคแอนแทรกซ์

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส

     :: โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน รุนแรง

     :: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

     :: ไข้หวัดนก

     :: ไข้เลือดออกอีโบลา

     :: ไข้เลือดออกมาร์เบอร์ก

     :: ไข้ปวดข้อยุงลาย

     :: โรคมือเท้าปากจาก Enterovirus71

     :: โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา

๐ โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดโพรโทซัว

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากพรีออน

 

การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค

การเสริมสร้างสุขภาพ

การสร้างกำลังใจปกป้องสุขภาพ

การใช้หลักพุทธธรรมปกป้องสุขภาพ

 

 

   

โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส

          ไข้เลือดออกอีโบลา

         ไข้เลือดออกอีโบล่าจัดเป็นโรคที่มีอัตราป่วยตายสูงมากกว่าร้อยละ 50-90 โดยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตจากอาการเสียเลือดมากหรืออวัยวะต่างๆ ไม่ทำงาน โดยเชื่อว่าโรคไข้เลือดออกอีโบล่าเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่การวิจัยขององค์การอนามัยโลกยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นสัตว์ประเภทใดเป็นแหล่งรังโรค คาดเพียงว่าน่าจะเป็นค้างคาวประเภทกินผลไม้ โรคไข้เลือดออกอีโบล่ามีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการระบาด โดยพบการติดเชื้อไวรัสในคนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2519 ในจังหวัดทางภาคตะวันตกของประเทศซูดานและประเทศซาอีร์ (ปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก) หลังจากนั้นพบการระบาดอย่างต่อเนื่องในทวีปแอฟริกา ได้แก่ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ซาอีร์) ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก สาธารณรัฐกาบอง สาธารณรัฐซูดาน สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ สาธารณรัฐยูกันดา และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เป็นต้น

          สถานการณ์ของโรคในต่างประเทศ

          ธันวาคม พ.ศ. 2551 กระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกประกาศพบการระบาด
ของไข้เลือดออกอีโบลาในจังหวัดคาไซตะวันตก หลังจากที่องค์การอนามัยโลกและเจ้าหน้าที่ของคองโกได้
เคยประกาศว่าสามารถควบคุมการระบาดของเชื้ออีโบล่าได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 จากการระบาด
ครั้งนี้องค์การอนามัยโลกได้สนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานของทีมสอบสวนและตอบสนองต่อการ
ระบาด ความช่วยเหลือสนับสนุนด้านอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลลงไป
ในพื้นที่ ส่วนประเทศต่างๆ ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกเข้าไปช่วยเหลือควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดครั้ง
ใหญ่ ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 กระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกได้ประกาศสิ้นสุด
การระบาดของไวรัสอีโบลา ในจังหวัดคาไซตะวันตก โดยผู้ติดเชื้อเสียชีวิตล่าสุดในวันที่ 1 มกราคม 2552
ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เกินกว่า 2 เท่าของระยะฟักตัวสูงสุดของอีโบลา (42 วัน) รวมผู้ป่วยทั้งสิ้น 32 ราย
เสียชีวิต 15 ราย

           วันที่ 23 มกราคม 2552 รัฐบาลฟิลิปปินส์รายงานพบเกษตรกรที่เลี้ยงสุกรไว้หลังบ้านซึ่งเป็นไปได้ว่าสัมผัสกับสุกรที่ป่วย มีผลตรวจเป็นบวกต่อไวรัสอีโบลาเรสตัน จากนั้นอีก 1 สัปดาห์ พบคนงานในฟาร์มซึ่งอยู่ระหว่างการกักกันเนื่องจากพบสุกรติดเชื้ออีโบลาเรสตัสที่เมือง Bulacan และ Pangasinan ป่วยเพิ่ม 3 ราย และอีก 1 รายเป็นคนงานฆ่าสัตว์ที่โรงฆ่าสัตว์ใน Pangasinan จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดแข็งแรงดีไม่มีอาการเจ็บป่วยในระยะ 12 เดือนที่ผ่านมา และเป็นไปได้ว่าทุกรายมีการสัมผัสสุกรที่ป่วยโดยไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังคงให้ฟาร์มดังกล่าวเป็นเขตกักกัน และได้ออกมาตรการหยุดส่งออกสุกรมีชีวิตและเนื้อสุกรสด และแช่แข็ง องค์การอนามัยโลกให้การสนับสนุนเรื่องความเข้าใจรัฐบาลฟิลิปปินส์เกี่ยวกับโรคอีโบลาเรสตัน ทั้งเรื่องผลที่เกิดกับคน และมาตรการที่จำเป็นในการลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของคน

          สถานการณ์ในประเทศไทย

         สำหรับประเทศไทย ยังไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกอีโบลา

         จนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบวิธีรักษาหรือบำบัดโรคร้ายนี้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเลือดออกทั้งร่างกายจนเสียชีวิต โรคนี้ระบาดผ่านทางการสัมผัสกับเลือด หรือน้ำคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ หรือสิ่งที่ปนเปื้อนน้ำคัดหลั่งที่ติดเชื้อ แม้ว่ายังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ในประเทศไทย แต่ปัจจุบันการเดินทางข้ามทวีปเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น อาจพบผู้ติดเชื้อมาจากแหล่งที่มีการระบาดเดินทางเข้ามาภายในประเทศได้ เนื่องจากระยะฟักตัวของโรคกว่าจะมีอาการนานที่สุด พบได้ถึง 21 วัน สำหรับคนไทยที่เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรคต้องระมัดระวังไม่ให้ใกล้ชิดผู้ป่วยหรือผู้ที่มีอาการสงสัย และควรเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคเป็นพิเศษ เช่น ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลตรวจตราผู้เดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ ควรเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองให้มากขึ้นในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค