![]() |
|||||||
|
ไฟลัมอาร์โทรโพดา (Phylum Arthropoda)สัตว์ในไฟลัมอาร์โทรโพดา เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีความหลากหลายทางด้านชนิดมากที่สุด ที่ค้นพบแล้วมีมากกว่าหนึ่งล้านชนิดซึ่งส่วนใหญ่เป็นแมลง พวกอาร์โทรพอด (arthropods) มีลำตัวเป็นปล้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนหัว (head) อก (thorax) และท้อง (abdomen)
มีรยางค์ที่เป็นข้อปล้องต่อกันทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ใช้เดิน จับอาหาร รับความรู้สึก ผสมพันธุ์ หรือป้องกันอันตราย ลำตัวและรยางค์มีโครงร่างภายนอกซึ่งเป็นเปลือกแข็งที่ประกอบด้วยไคทินหุ้มอยู่ ในการเจริญเติบโตจึงมีการลอกคราบจากระยะตัวอ่อนจนเป็นตัวเต็มวัย อาร์โทรพอดมีระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิด และมีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ มีระบบประสาทซึ่งประกอบด้วยปมประสาทและเส้นประสาท ส่วนใหญ่แยกเพศและสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ สัตว์ในไฟลัมอาร์โทรโพดาที่สำคัญๆได้แก่ 1.คลาสเมอโรสโตมาตา (Class Merostomata)
สัตว์ในคลาสเมอโรสโตมาตา (Class Merostomata) ได้แก่ แมงดาทะเล ซึ่งเป็นสัตว์โบราณเชื่อว่าบรรพบุรุษเริ่มตั้งแต่ยุคออร์โดวิเชียน ปัจจุบันเหลือ 3 จีนัส 4 สปีชีส์เท่านั้น โครงสร้างแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนหัวส่วนอกจะรวมกันที่เรียกว่า เซฟาโลทอแรกซ์ (cephalothorax) และ ส่วนท้องมีรยางค์คู่แรก(ช่วยในการกินอาหาร)ไม่มีหนวด มีขาเดินมีรยางค์ 5 คู่ ปลายขาคู่สุดท้ายมีลักษณะเป็นแผ่นซ้อนกันใช้ขุดทรายเวลาฝังตัว แมงดาในประเทศไทยพบ 2 สปีชีส์ คือ แมงดาทะเลหางเหลี่ยมหรือแมงดาจาน และ แมงดาทะเลหางกลมหรือแมงดาถ้วย หรือ เหรา(อ่านว่า เห-รา) ปัจจุบันจำนวนแมงดาลดลงเนื่องจากมีการนำไข่แมงดามาบริโภค แต่ไข่แมงดาหางกลมมีสารพิษในกลุ่ม เทโทรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) เมื่อรับประทานจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ชาที่ปากและลิ้น ใบหน้าแขนและขา จนกระทั่งกล้ามเนื้ออัมพาตหมดสติไป หากได้รับปริมาณมากอาจทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
สัตว์ในคลาสอะแรคนิดา (Class Arachnida) พวกนี้ส่วนหัวกับส่วนอกรวมกัน ไม่มีหนวด มีรยางค์ 6 คู่ โดยคู่ที่ 1 ใช้จับอาหารและรับความรู้สึก มีขาเดินอีก 4 คู่ เช่น แมงมุม ,แมงป่อง ,เห็บ บึ้ง , หิด และไร เป็นต้นแมงมุมบริเวณส่วนท้ายของท้องมีต่อมสร้างเส้นใยและอวัยวะที่ใช้ชักใยแมงป่องปล้องสุดท้ายจะปรับเปลี่ยนไปเป็นอวัยวะสำหรับต่อยเหยื่อ และมีต่อมสร้างสารพิษเพื่อใช้ต่อยเหยื่อและป้องกันตัว
บทบาทของคลาสอะแรคนิดา แมงมุมเป็นตัวห้ำ ที่ช่วยกำจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืชหลายชนิด รวมทั้งพวกเห็บไร แมงป่องส่วนใหญ่จะกินแมงมุมเป็นอาหารแมงป่องบางชนิดมีพิษร้ายแรง
สัตว์ในคลาสไดโพลโพดา (Class Diplopoda) ได้แก่พวกกิ้งกือต่างๆ พวกนี้ลำตัวยาวแบ่งออกเป็นปล้องๆและมีขาจำนวนมาก โดยมีขาปล้องละ 2 คู่ และมีหนวด 1 คู่ อาศัยอยู่ตามพื้นดินใต้กองใบไม้ กินใบไม้และซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยในดินเป็นอาหาร มูลของสัตว์พวกนี้จะเป็นสารอินทรีย์ในดิน เชื่อว่าน่าจะเป็นสัตว์พวกแรกที่เริ่มวิวัฒนาการดำรงชีวิตบนพื้นดิน สัตว์ในคลาสนี้ เช่น กิ้งกือ ตะเข็บ เป็นต้น สัตว์ในคลาสชิโลโพดา (Class Chilopoda) ได้แก่พวกตะขาบต่างๆ มีหนวด 1 คู่ และมีขาเดินปล้องละ 1 คู่ ลำตัวปล้องแรกมีเขี้ยวพิษ 1 คู่ แนบกับส่วนหัวใช้สำหรับจับเหยื่อหรือป้องกันตัว โดยจะปล่อยสารพิษทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต จึงจับกินได้ง่ายหรือใช้ป้องกันตัวเอง สัตว์ในคลาสนี้ เช่น ตะขาบ เป็นต้น สัตว์ในคลาสอินเซ็คตา (Class Insecta) ได้แก่ แมลงชนิดต่างๆ ซึ่งจัดเป็นสัตว์ที่มีจำนวนชนิดมากที่สุด พวกแมลงมีลำตัวแบ่งเป็น 3 ส่วนชัดเจน คือส่วนหัว ส่วนอก ส่วนท้อง มีหนวด 1 คู่ และมีขาเดิน 3 คู่ที่บริเวณอก บางชนิดมีปีก 1-2 คู่ สัตว์ในคลาสครัสตาเซีย (Class Crustacea) ได้แก่ พวกกุ้ง, กั้ง, ปู , เหาไม้(wood lice) ,เพรียงหิน เป็นสัตว์ในไฟลัมอาร์โทรโพดากลุ่มเดียวที่มีหนวด 2 คู่ มีขาเดิน 5 คู่ และมักมีรยางค์ที่ส่วนท้องสำหรับว่ายน้ำหรือปรับเปลี่ยนไปเพื่อทำหน้าที่เฉพาะ เช่น แลกเปลี่ยนแก๊ส หรือเป็นที่เกาะของไข่ เป็นต้น ร่างกายแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เซฟาโลทอแรกซ์ และส่วนท้อง โดยเซฟาโลทอแรกซ์ เป็นส่วนที่รวมส่วนหัวและส่วนอกเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีเปลือกแข็งชิ้นเดียวคลุมอยู่เรียก คาราเพช (carapace) สัตว์ในกลุ่มนี้เป็นสัตว์ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มนุษย์นำมาเป็นอาหารมากที่สุด
|
||||||
รวบรวมเรียบเรียงโดย ครูนันทนา สำเภา โรงเรียนปทุมราชวงศา |